บทความ

งานที่ 5. สรุป Internet of Things (IoT)

Internet of Things หรือ IoT คืออะไร Internet of Things (IoT)  คือ การที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ สามารถเชื่อมโยงหรือส่งข้อมูลถึงกันได้ด้วยอินเทอร์เน็ต โดยไม่ต้องป้อนข้อมูล การเชื่อมโยงนี้ง่ายจนทำให้เราสามารถสั่งการควบคุมการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้ ไปจนถึงการเชื่อมโยงการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเข้ากับการใช้งานอื่นๆ จนเกิดเป็นบรรดา Smart ต่างๆ ได้แก่ Smart Device, Smart Grid, Smart Home, Smart Network, Smart Intelligent Transportation ทั้งหลายที่เราเคยได้ยินนั่นเอง ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเพียงสื่อกลางในการส่งและแสดงข้อมูลเท่านั้น

งานที่ 4. สรุป Augmented Reality (AR) and Virtual Reality (VR)

รูปภาพ
Augmented reality หรือ AR  คือ การรวม สภาพแวดล้อมจริง กับ วัตถุเสมือน เข้าด้วยกันในเวลาเดียวกัน โดยวัตถุเสมือนที่ว่านั้น อาจจะเป็น ภาพ, วิดิโอ, เสียง, ข้อมูลต่างๆที่ประมวลผลมาจากคอมพิวเตอร์, มือถือ, เทปเล็ต, หรืออุปกรณ์สวมใส่ขนาดเล็กต่างๆ และทำให้เราสามารถตอบสนองกับสิ่งที่จำลองนั้นได้ ตัวอย่างของการใช้งาน AR ก็คือ เกม AR ต่างๆ เช่น Pokemon Go การเรียนการสอน โฆษณา Virtual reality หรือ VR   ก็คือ เป็นการจำลองสภาพแวดล้อมจริงเข้าไปให้เสมือนจริง นั้นเอง โดยพยายามทำให้เหมือนจริงโดยผ่านการรับรู้ของเราไม่ว่าจะเป็น การมองเห็น เสียง การสัมผัส หรือแม้กระทั้งกลิ่น และทำให้เราสามารถตอบสนองกับสิ่งที่จำลองนั้นได้ ตัวอย่างของการใช้งาน VR ก็คือ การจำลองการขับเครื่องบิน การประยุกต์ใช้ในการศึกษาต่างๆ ความแตกต่างของ VR และ AR นั้นก็คือ VR นั้นจะตัดขาดเราออกจากสถาพแวดล้อมปัจจุบันเพื่อเข้าไปสู่สภาพแวดล้อมที่จำลองขึ้นมาใหม่ทั้งหมด แต่ AR จะพยายามรวบรวมหรือผสานระหว่างสภาพแวดล้อมจริงๆ ณ ขณะนั้นเข้ากับวัตถุที่จำลองขึ้นมานั้นเอง จะเห็นได้ว่าจากความแตกต่างระหว่าง VR และ AR ทำให้การนำไปปร

งานที่ 3 Quantum Computing

Quantum Computing  Quantum Computing ก็คือระบบคอมพิวเตอร์ที่เปลี่ยนจากการทำงานบนแผงวงจร มาใช้คุณสมบัติพิเศษของอะตอมแทน โดยจากเดิมที่คอมพิวเตอร์ปัจจุบันจะแทนค่าข้อมูลด้วย Bit อันประกอบด้วยตัวเลข 0 กับ 1 ทีละตัวแล้วนำไปประกอบกัน แต่ระบบ Quantum Computing จะใช้อะตอมที่มีคุณสมบัติของ Quantum Bit หรือ Qubit สามารถประมวลผลเป็นตัวเลข 0 หรือ 1 พร้อมกันได้ คุณสมบัติดังกล่าวทำให้แต่ละ Qubit ทำงานได้เร็วกว่า Bit อย่างมหาศาล นอกจากนี้ Qubit ยังสามารถสื่อสารกับอะตอมที่เป็น Qubit ด้วยกันได้โดยไม่ต้องผ่านสื่อกลาง ทำให้ Qubit สามารถประมวลผลร่วมกันได้ราบรื่นและรวดเร็ว รวมถึงรองรับงานแบบ Multitasking ได้ง่ายกว่า  โดยเมื่อปี  2015 มีประกาศจาก Google ว่า Quantum Computer ที่พวกเขาพัฒนาขึ้น มีความเร็วมากกว่า PC ทั่วไปถึง 100 ล้านเท่า!!

งานที่ 2 Blockchain technology

รูปภาพ
Blockchain คืออะไร ? ที่มาของคำว่า  Blockchain  (บล็อกเชน) มาจากคำว่า “Block” ที่แปลว่า กล่อง โดยให้มองว่ากล่องแต่ละใบเป็นตัวเก็บข้อมูล ส่วนของ “Chain” นั้นแปลว่า โซ่ หรือ การผูกมัดกัน ซึ่งเมื่อเอาทั้งสองคำมารวมกันจะให้ความหมายว่า กล่องเก็บข้อมูลที่เชื่อมโยงกันเป็นแบบลูกโซ่ ถ้าพูดในเชิง technical หน่อย  Blockchain ก็คือ เทคโนโลยีแบบ peer-to-peer ที่เชื่อมคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องในเครือข่ายเข้าหากัน และทำการส่งข้อมูลไปมาได้โดยไม่จำเป็นที่จะต้องผ่านคนกลาง ซึ่งแต่ละคนก็จะมีการเก็บข้อมูลหลักฐานของตัวเองไว้หนึ่งชุด ก่อนที่จะส่งตัวสำเนาไปให้อีกคนหนึ่งได้ โดยที่คนที่รับจะไม่สามารถแก้ไขข้อมูลชุดแรกได้ ทำให้  Blockchain  มีความปลอดภัยในการป้องกันการปลอมแปลงชุดข้อมูลสูงมาก โดยเทคโนโลยีที่นำ  Blockchain  มาประยุกต์ใช้และทำให้  Blockchain  เป็นที่รู้จักกันเป็นวงกว้าง ก็คือ Bitcoin ซึ่งเป็น Cryptocurrency ประเภทหนึ่งที่ต้องการความปลอดภัยสูง เพราะว่า Bitcoin เป็นสกุลเงินที่จับต้องไม่ได้ จึงเหมาะต่อการใช้ Blockchain  เข้าช่วย

งานที่ 1 Artificial Intelligence

 Artificial Intelligence  คือ เครื่องจักร(machine) ที่มีฟังก์ชันทีมีความสามารถในการทำความเข้าใจ เรียนรู้องค์ความรู้ต่างๆ อาทิเช่น การรับรู้  การเรียนรู้ การให้เหตุผล และการแก้ปัญหาต่างๆ  เครื่องจักรที่มีความสามารถเหล่านี้ก็ถือว่าเป็น ปัญญาประดิษฐ์ AI ถูกจำแนกเป็น 3 ระดับตามความสามารถหรือความฉลาดดังนี้ 1 )  ปัญญาประดิษฐ์เชิงแคบ  (Narrow AI ) หรือ ปัญญาประดิษฐ์แบบอ่อน (Weak AI) : คือ  AI ที่มีความสามารถเฉพาะทางได้ดีกว่ามนุษย์(เป็นที่มาของคำว่า Narrow(แคบ) ก็คือ AI ที่เก่งในเรื่องเเคบๆหรือเรื่องเฉพาะทางนั่นเอง)  อาทิ เช่น AI ที่ช่วยในการผ่าตัด(AI-assisted robotic surgery)  ที่อาจจะเชี่ยวชาญเรื่องการผ่าตัดกว่าคุณหมอยุคปัจจุบัน  แต่แน่นอนว่า AIตัวนี้ไม่สามารถที่จะทำอาหาร ร้องเพลง หรือทำสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากการผ่าตัดได้นั่นเอง  ซึ่งผลงานวิจัยด้าน AI ณ ปัจจุบัน ยังอยู่ที่ระดับนี้ 2 ) ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป ( General AI )   : คือ AI ที่มีความสามารถระดับเดียวกับมนุษย์ สามารถทำทุกๆอย่างที่มนุษย์ทำได้และได้ประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกับมนุษย์ 3) ปัญญาประดิษฐ์แบบเข้ม (Strong AI ) : คือ AI ท

( เครื่อง เตือนน้ำล้น)

รูปภาพ
เครื่อง เตือนน้ำล้น  อุปกรณ์  1. PIC16F877A  2. LCD  3. LED  4. BUZZER  5. CAPACITOR 22pf  6.  CRYSTAL 4MHz  7. แหลงจ่ายไฟ 5v  Code char *text = "Overflow"; char *text3 =".Normal."; char *text1 = "Plase TurnOFF"; char *text2 = ".level Normal."; void main() {   TRISC = 0xFF;   TRISB = 0;   TRISD = 0;   PORTC = 1 ;   PORTD = 0 ;   Lcd_Init(&PORTB);   Lcd_Cmd(Lcd_CLEAR);   Lcd_Cmd(Lcd_CURSOR_OFF);   //Lcd_Out(2, 2,             text2);   while(1)   {   if(PORTC.F1==0)   {    PORTD.F0=1;    PORTD.F1=1;    Lcd_Out(1, 5,             text);   Lcd_Out(2, 2,             text1);   }     else     {     Lcd_Out(1, 5,             text3);   Lcd_Out(2, 2,             text2);         }    PORTD=0;   } }          การทำงาน                                                     https://youtu.be/q6dcZaZSuRA   แหล่งอ้างอิง https://bankaazz123.blogspot.com/2019/03/2.

โครงงานที่20

รูปภาพ
โครงงานที่20 code int Read_VR (void); main() { int i,time;   TRISB = 0x00;   CMCON = 0x07;  while(1)   {  for(i=1;i<129;i=i*2)     {   PORTB = i;   time = Read_VR ()*2;   Vdelay_ms(time);     }   } }   int Read_VR(void)   {   int i;   i = 0;    TRISA = 0xf0;    PORTA.F0 = 1;    Delay_ms(10);    TRISA = 0xF1;      while(PORTA.F0 == 1)      {      i++;      }      i = i/10;      return i ;      }